Sunday, May 31, 2009

อุตสาหกรรมเบเกอรี โอกาสใหม่ของผู้ประกอบการไทย


ในวันที่ 3-9 ต.ค.นี้ ที่เมืองดุสเซนดอล์ฟ ประเทศเยอรมนี กำลังจะมีงานที่มีชื่อย่อว่า Iba (อีบา) หรืองานเบเกอรีโลก ซึ่งจะจัดขึ้นทุกๆ 3 ปี



โดยเป็นงานแสดงสินค้าที่เกี่ยวกับ เบเกอรี ขนม ช็อกโกแลต เค้ก วัตถุดิบในการประกอบอาหาร และผู้ผลิตอุปกรณ์ทำ เบเกอรี เช่น เตาอบ เข้าร่วมแสดงในงานเป็นจำนวนมาก และในปีนี้ถือเป็นปีที่ 60 ของการจัดงานดังกล่าว

คณะผู้จัดงานจึงเดินทางมาประเทศไทย เพื่อเชิญชวนให้ผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้องเดินทางไปชมงานพร้อมกับแสดงสินค้า โดยในการจัดงานครั้งที่แล้วเมื่อปี 2549 ที่เมือง มิวนิก มีผู้ประกอบการเข้าร่วมงานราว 979 ราย จาก 144 ประเทศทั่วโลก บนพื้นที่ทั้งหมด 1.1 แสนตารางเมตร ซึ่งหนึ่งใน ผู้ประกอบการที่เข้าร่วมมี อ.ยิ่งศักดิ์ จงเลิศเจษฎาวงศ์ หรือที่คนทั่วไปรู้จักกันดีในวงการอาหารในนาม อ.ยิ่งศักดิ์

อ.ยิ่งศักดิ์ เล่าว่า เมื่อ 3 ปีที่แล้วได้พา ผู้ประกอบการที่ผลิตเตาอบขนมและผู้ผลิตแป้งข้าวโพดจากประเทศไทยไปเข้าร่วม แสดงสินค้าภายในงาน Iba และแม้ว่าเตาอบขนมที่ผู้ประกอบการไทยนำไปแสดงจะไม่ได้ใช้เทคโนโลยีขั้นสูง เท่ากับเตาอบแบบอื่น แต่ภายในงานก็มีผู้เข้าร่วมจากประเทศเวียดนาม กัมพูชา พม่า แอฟริกา ซึ่งต้องการเตาอบแบบที่ผู้ประกอบการไทยผลิต เพราะหากเป็นเทคโนโลยี ขั้นสูงแบบยุโรปราคาจะสูงเกินไป และคนในประเทศเหล่านั้นมีกำลังซื้อไม่เพียงพอ

สิ่งที่เกิดขึ้นคือ ผู้ประกอบการผลิตเตาอบที่ไม่เคยคิดจะผลิตเพื่อการส่งออก กลับได้รับออร์เดอร์จากประเทศที่อยู่ใกล้เคียงประเทศเรา เพราะคิดว่าระบบที่ผลิตไม่ทันสมัยเพียงพอ แต่ประเทศที่ด้อยกว่าประเทศเราก็มี และมีความต้องการสินค้าดังกล่าวไปใช้

ส่วนผู้ประกอบการที่ผลิตแป้งข้าวโพด ซึ่งในประเทศไทยไม่ค่อยได้รับความนิยม ส่วนใหญ่ถูกนำไปทำขนม แต่ในต่างประเทศใช้แป้งข้าวโพดเป็นส่วนประกอบสำคัญในการทำเบเกอรี หากข้าวโพดที่ล้นตลาดถูกนำไปแปรรูปแล้วส่งออกไปยังประเทศที่มีความต้องการ ใช้สูง ก็ถือเป็นการช่วยเกษตรกร ผู้ปลูกข้าวโพด เพิ่มมูลค่า และเพิ่มรายได้จากการส่งออก

การเข้าร่วมงานของผู้ประกอบการไทยเพียง 2 ราย เป็นตัวอย่างที่แสดงให้เห็นได้ว่า หากประเทศไทยเป็นประเทศเกษตรกรรม มีผู้ประกอบการรายย่อยที่มีคุณภาพมากมาย แต่หากเป็นการผลิตเพื่อจำหน่ายเพียงในประเทศเท่านั้น อาจไม่ได้ช่วยให้ ผู้ประกอบการมีรายได้เพิ่มขึ้นมากนัก และยังทำให้เกิดการแข่งขันกันเองอีกด้วย

อ.ยิ่งศักดิ์ เห็นว่า ที่ผ่านมาไม่มีรัฐบาลชุดใด สมัยใด เห็นตลาดเบเกอรีหรือตลาดขนมเป็นตลาดที่สำคัญ ทั้งที่เป็นตลาดที่มีศักยภาพสูงและมีอัตราการเติบโตทุกปี ไม่ว่าจะอยู่ในสภาวะเศรษฐกิจอย่างไรก็ตาม

ปีเตอร์ เบกเกอร์ ประธานสมาพันธ์ ผู้ผลิตเบเกอรีแห่งเยอรมนี กล่าวว่า ปีนี้เศรษฐกิจโดยรวมของโลกซบเซาอย่างที่ ไม่เคยเป็นมาก่อน แต่ในช่วงไตรมาสแรก ที่ผ่านมาพบว่าตลาดเบเกอรีในประเทศเยอรมนีมีอัตราการเติบโตขึ้นเล็กน้อย เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ซึ่งแสดงให้เห็นว่าตลาดนี้ยังมีการเติบโตต่อไปได้ โดยมูลค่าของตลาดเบเกอรีในประเทศเยอรมนี ทั้งปีอยู่ราว 1.3 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ

สาเหตุสำคัญที่ทำให้ตลาดเบเกอรียัง เติบโต คือ พฤติกรรมของผู้บริโภคในประเทศเปลี่ยนแปลงไปตามสภาวะเศรษฐกิจ ด้วยการลดวันในการเดินทางท่องเที่ยวลงจาก 2 สัปดาห์ เหลือ 8 วัน และใช้เวลาพักผ่อน อยู่กับบ้านมากขึ้น พร้อมกับการแสวงหาความสุขให้เกิดขึ้นภายในบ้านด้วยการรับประทานขนมเค้กหรือ ช็อกโกแลต ทดแทนการเดินทางท่องเที่ยว

ขณะที่ในช่วงเวลาที่เศรษฐกิจดี ตลาด เบเกอรีก็ไม่ได้เติบโตมากนัก ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบตลาดเบเกอรีทั้งในช่วงที่เศรษฐกิจดีและไม่ดีแล้ว สะท้อนให้เห็นว่า ไม่ว่าเศรษฐกิจจะเป็นเช่นไร อุตสาหกรรมนี้ก็ยังสามารถเดินหน้าต่อไปได้อย่างต่อเนื่อง

นอกจากนี้ อ.ยิ่งศักดิ์ยังได้แนะแนวทางสำหรับการส่งเสริมตลาดเบเกอรีในประเทศไทยและ ธุรกิจที่เกี่ยวข้อง โดยอยากให้รัฐบาลเล็งเห็นความสำคัญของตลาดดังกล่าวว่าเป็นตลาดที่มีศักยภาพ สูง เช่นเดียวกับอุตสาหกรรมอื่นที่รัฐบาลให้การส่งเสริม เช่น อุตสาหกรรมอาหาร การส่งออกสินค้าเกษตรไปยังต่างประเทศ

ขณะเดียวกัน สินค้าชนิดใดที่สามารถแปรรูปเพื่อนำไปเป็นส่วนประกอบในการผลิตขนม เช่น สับปะรด แทนที่จะตัดแต่งใส่กระป๋องส่งออกเท่านั้น ก็ สามารถอบแห้งเพื่อนำไปตกแต่งหน้าเค้กได้เช่นกัน รวมไปถึงผลไม้ชนิดอื่นๆ ที่มีผลผลิตล้นตลาด ก็สามารถนำไปแปรรูปเพื่อเป็นส่วนประกอบในการผลิตขนม ซึ่งเป็นการช่วยเพิ่มมูลค่าของสินค้าเกษตร และยังเพิ่มรายได้ให้เกษตรกรเจ้าของสวนด้วย

นอกจากนี้ รัฐบาลควรใช้การอบรมให้ ผู้ประกอบการรู้ถึงวิธีการเจรจาทางการค้า การรับออร์เดอร์ การจัดการระบบโลจิสติกส์ การแนะนำการติดต่อทางการค้า การ พาผู้ประกอบการที่มีศักยภาพไปแสดง สินค้าในงานที่สำคัญๆ ระดับโลก ที่มี ผู้ประกอบการ ผู้บริโภค ผู้ซื้อ และผู้ขายจำนวนมากไปรวมตัวกัน

สิ่งที่แนะนำมาทั้งหมดนั้น เป็นเพียงจุดเริ่มต้นที่จะส่งเสริมให้ผู้ประกอบการไทย ผู้ผลิตสินค้า แม้กระทั่งเกษตรกรได้มีรายได้เพิ่มขึ้น และยังเป็นการเพิ่มรายได้ ของประเทศในระยะยาวอีกด้วย ซึ่งตลาดดังกล่าวจะไม่ส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการแม้ยามเศรษฐกิจไม่ดีเหมือน กับธุรกิจต่างๆ ที่กำลังประสบปัญหาอยู่ในขณะนี้ เช่น อุตสาหกรรมรถยนต์ เป็นต้น

สำหรับตลาดเบเกอรีในประเทศไทย ไม่มีการเก็บข้อมูลเกี่ยวกับตลาดรวม จึงไม่สามารถที่จะบอกเป็นตัวเลขได้ แต่ในช่วง 3 เดือนแรกที่ผ่านมา พบว่ามูลค่าตลาดเบเกอรีมีการเติบโตขึ้นในเชิงมูลค่า แต่ปริมาณกลับลดลง ซึ่งหมายความว่า ผู้ประกอบการ ผู้ขายขนมเค้ก หรือเบเกอรีราคาถูก ที่ขายตามท้องถนนทั่วไปไม่สามารถอยู่รอดได้ เพราะ ผู้บริโภคระดับล่างไม่มีกำลังซื้อ

แต่เบเกอรีระดับพรีเมียมในห้างสรรพ สินค้าราคาแพงยังสามารถขายได้ และยังมีการสั่งนำเข้าวัตถุดิบในการผลิตเบเกอรี ระดับพรีเมียมมาเป็นจำนวนมาก เช่น เม็ดวอลนัต แมกคาเดเมีย อัลมอนด์ เป็นต้น ซึ่งแสดงให้เห็นว่าการผลิตเบเกอรีที่มีคุณภาพและได้มาตรฐานยังสามารถอยู่รอด ได้แม้เศรษฐกิจจะซบเซา อันเป็นทิศทางเดียวกับตลาดโลก

ดังนั้น หากผู้ประกอบการไทยได้มีการพัฒนาฝีมือในการผลิตขนมเบเกอรี ที่มีคุณภาพได้มาตรฐาน ก็จะสามารถที่จะส่งออกไปจำหน่ายเป็นสินค้าส่งออกของประเทศได้เช่นเดียวกัน ขึ้นอยู่กับว่าเห็นช่องทางในการดำเนินการเพื่อ ไปให้ถึงจุดนั้น หรือไม่





แหล่ง : โพสต์ ทูเดย์ (www.posttoday.com)
โดย : WebMaster
วันที่ : 30/5/2552

Monday, May 18, 2009

กบข.แจง ผลการดำเนินงานยังเป็นบวก


นายวิสิฐ ตันติสุนทร เลขาธิการคณะกรรมการกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการหรือ กบข. กล่าวชี้แจงกรณีที่มีสมาชิกกองทุนฯกล่าวหาว่า กองทุนดำเนินการไม่โปร่งใส ทำให้ กบข. ขาดทุนประมาณ 74,000 ล้านบาท ว่าเป็นข้อมูลที่คลาดเคลื่อน และยังไม่ได้รับการติดต่อขอตรวจสอบจากสำนักคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ หรือ ปปท. แต่ยอมรับว่ารูปแบบใบแจ้งยอดทำให้สมาชิกเกิดความสับสน จึงเตรียมปรับรูปแบบใบแจ้งยอดให้มีความชัดเจนและเข้าใจง่ายขึ้น ซึ่งคาดว่าจะเริ่มได้ในปี 2553 และเตรียมให้สมาชิกจัดรูปแบบการลงทุนเอง ภายหลังได้รับอนุมัติจากรัฐบาลในการแก้ไขพระราชบัญญัติกองทุนฯ ที่คาดว่าจะสามารถดำเนินการได้ในอีก 2 เดือนพร้อมยืนยัน กบข. ลงทุนตามกรอบพระราชบัญญัติ กบข. และกระทรวงที่กำหนดมาโดยตลอด ส่งผลให้ผลตอบแทนจาการดำเินงานโดยรวมตั้งแต่จัดต้ั้งกองทุนจนถึงปัจจุบันยังเป็นบวก ซึ่งผลตอบแทนลงทุนจากเงินสมาชิกที่สะสมตั้งแต่จัดตั้งกองทุนถึงสิ้นปีแล้วที่สมาชิกได้รับอยู่ในอัตราร้อยละ 124 โดยผลตอบแทนที่ลดลงปีที่แล้วจะกระทบยอดผลปรโยชน์สะสมเท่านั้น แต่จะไม่กระทบเงินต้นของสมาชิกส่วนใหญ่เนื่องจากที่ผ่านมาผลการดำเินงานของ กบข. ในอดีต มีบางปีที่มีผลตอบแทนสูงมาก เช่นกัน

ส่วนผลตอบแทนการลงทุนในปี 2551 ที่ติดลบร้อยละ 5.4 เกิดจากวิกฤติเศรษฐกิจโลกที่กระทบต่อการลงทุนของนักลงทุนสถาบันทีั้งในและต่างประเทศ นอกจากนี้ผลตอบแทนเฉลี่ยตั้งแต่ก่อตั้งกองทุนอยู่่ที่ร้อยละ 7.04 ซึ่งเป็นอัตราที่สูงกว่าอัตราเงินเฟ้อเฉลี่ยที่ร้อยละ 3.26 สอดคล้องกับเป้าหมายการออมเงินระยะยาวเพื่อการเกษียณอายุึราชการของสมาชิก กบข.ทุกคน

ผลประชุมคณะกรรมการรัฐมนตรีเศรษฐกิจ


นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี มอบหมายให้กระทรวงคมนาคมศึกษาผลกระทบของการให้บริการสนามบินเชิงพาณิชย์แห่งเดียวหรือ 2 แห่ง ทั้งในด้านยุทธศาสตร์การบินและความคุ้มค่าภายใน 2 สัปดาห์ รวมทั้งควรให้ผู้ประกอบการตัดสินใจว่าจะย้ายการบริการหรือไม่ เพราะเป็นการตัดสินใจทางธุรกิจ ด้านนางแจ่มศรี สุกโขติรัตน์ ประธานสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจบริษัทการบินไทย ระบุว่า นายกรัฐมนตรีมอบหมายให้กระทรวงการคลัง ในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่ พิจารณาภาพรวมการดำเนินธุรกิจของการบินไทย และจะต้องย้ายไปทำการบินที่สนามบินสุวรรณภูมิหรือไม่

นอกจากนี้ที่ประชุมมอบหมายให้สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล หาแนวทางนำเงินจากการจำหน่ายสลากพิเศษเลขท้าย 3 ตัว และ 2 ตัว สมัยรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร กว่า 17,000 ล้านบาทมาใช้ประโยชน์ ภายหลังรัฐบาล พล.อ. สุรยุทธ์ จุลานนท์ ยุติการจำหน่าย เพราะเห็นว่าแนวทางการจำหน่ายในขณะนั้นผิดกฎหมาย แต่หากไม่สามารถดำเนินการได้ รัฐบาลจะหารือกับสำนักงาน คณะกรรมการกฤษฎีกาต่อไป

ที่ประชุมฯ มอบหมายให้กระทรวงอุตสาหกรรมศึกษาความเหมาะสมของพื้นที่ผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม และการส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชนในพื้นที่ สำหรับการพัฒนาอุตสาหกรรมเหล็กคุณภาพสูงเพื่อสนับสนุนอุตสาหกรรมยานยนต์ภายในประเทศ หลังจากสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติทำการศึกษาพบว่า แนวโน้มการใช้เหล็กของไทยในระยะ 30 ปีข้างหน้าจะเพิ่มขึ้น และการลงทุนครั้งนี้จะลดการนำเข้เหล็กได้ปีละ ประมาณ 200,000 ล้านบาท

ธนาคารกลางเกาหลีใต้ คงอัตราดอกเบี้ยที่ 2 %


ข่าวเศรษฐกิจไทย ธนาคารกลางเกาหลีัใต้หรือ BOK ประกาศตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ 2.00% หลังเคยปรับลดอัตราดอกเบี้ย 6 ครั้งติดต่อกัน พร้อมปรับขึ้นเพดานสินเชื่อพิเศษ ที่ปล่อยให้กับกิจการขนาดกลางและขนาดย่อม เป็น 10 ล้านล้านวอน หรือประมาณ 6.82 พันล้านดอลล่าร์ จาก 9 ล้านล้านวอน ซึ่งการตรึงอัตราดอกเบี้ยครั้งนี้แสดงให้เห็นถึงความกังวลของ BOK ที่มีต่อค่าเงินวอนที่อ่อนค่าลง ตามเศรษฐกิจทีี่ตกต่ำ

ด้านนักวิเคราะห์เศรษฐกิจไทย กล่าวว่า การที่ค่าเงินวอนเคยลดลงอย่างรุนแรง และขณะนี้อยู่ในสถานะเปราะบาง อาจจะเป็นสาเหตุที่ทำให้ BOK หยุดพักการใช้นโยบายปรับลดอัตราดอกเบี้ยที่เริ่มทำมาตั้งแต่ช่วงต้นเดือน ตค. และคาดว่า BOK จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงไปอีกในอนาคต

Saturday, May 16, 2009

นักท่องเที่ยวช่วงปิดเทอมลดลง 30 %


นายเจริญ วังอนานนท์ นายกสมาคมไทยบริการท่องเที่ยว คาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยว ที่จะเดินทางไปต่างประเทศตั้งแต่ช่วงนี้ ถึงไตรมาสที่ 3 จะลดลงร้อยละ 30 อันสืบเนื่องจากภาวะเศรษฐกิจไทย ชะรอตัว ซึ่งหากรัฐบาลมีมาตรการสบับสนุนการท่องเที่ยวภายในปรเทศ โดยมุ่งเน้นไปที่กลุ่มผู้มีรายได้ประมาณ 30,000 บาทต่อเดือน ่จะส่งผลให้การท่องเที่ยวต่างประเทศทั้งปีลดลงเฉลี่ยร้อยละ 10 แต่หากไม่มีมาตรการจะติดลบเฉลี่ยถึงร้อยละ 20 พร้อมระบุ สมาคมเตรียม กระตุ้นการท่องเที่ยว ด้วยการเพิ่มมูลค่าเช็ค 2000 บาท ที่รัฐบาลให้แก่ผู้ประกันตนเป็น 2300 บาท อีกทั้งเร่งจัดกิจกรรมสนับสนุนการท่องเที่ยวเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจไทยอีกด้วย

สำหรับสถานการณ์ท่องเที่ยวตั้งแต่ต้นปีถึงขณะนี้ สถานที่ท่องเที่ยวที่ใช้เวลาเดินทางไม่นานนัก เช่น ฮ่องกง มาเก๊า เกาหลี จะได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยว เนื่องจากสถานที่เหล่านี้เน้นกลยุทธ์การลดราคาที่พักและลดค่าโดยสารเครื่องบิน ทำให้ไตรมาสนี้ การท่องเที่ยวเส้นทางระยะสั้นขยายตัวกว่าไตรมาส 4 ปีที่แล้ว ขณะที่การท่องเที่ยวในแถบยุโรปและอเมริกาลดลงกว่าร้อยละ 40

ด้านนางสมศรี ลัทธพิพัฒน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท รีเจนซี ทราเวล แอนด์ เด็ดดูเคชั่น กล่าวว่า ปัญหาเศรษฐกิจขระนี้ยังไม่กระทบการท่องเที่ยวในต่างประเทศ และการจำหน่ายทัวร์ไม่ลดจำนวนจากปีที่แล้ว เนื่องจากเป็นช่วงปิดเทอม รวมทั้งประเทศไทยมีวันหยุดติดต่อกันหลายวัน ซึ่งหลังเดือนเมษายนนี้ คาดว่าสถานการณ์การท่องเที่ยวในต่างประเทศจะลดลงอย่างมากขึ้น เนื่องจากปัญหาเศรษฐกิจด้วย

ปตท.ห่วงมตรฐานควบคุมมลพิษ


ข่าวเศรษฐกิจไทยรายงาน นายปรัชญา ภิญญาวัธน์ ประธานเจ้าหน้าที่)ฎิบัติการกลุ่มธุรกิจปิโตรเลียมขั้นปลาย บริษัท ปตท. กล่าวว่า ปัจจุบันโรงงานส่วนใหญ่ในนิคมอุตสาหกรรมมาบ่ตาพุดมีระบบควบคุมมลพิษดีกว่ามาตรฐานทั่วไปอยู่แล้ว แต่ยังรู้สึกกังวลกับมาตรฐานใหม่ที่จะนำมาบังคับใช้ในนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุดตามคำสั่งศาลปกครองระยองที่ให้พื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่ควบคุมมลพิษ พร้อมคาดว่า ปริมาณการใช้น้ำมันปีนี้จะใกล้เคียงปีที่แล้ว ขณะที่ปริมาณการใช้ในเดือนมกราคมและกุมภาพันธ์สูงกว่าไตรมาสสุดท้ายปีที่แล้ว โดยเฉพาะภาคการขนส่งที่มีปริมาณการใช้ไม่ลดลง เนื่องจากราคาน้ำมันอยู่ในระดับต่ำและรัฐบาลมีนโยบายส่งเสริมการเดินทางท่องเที่ยว ส่วนภาคอุตสาหกรรมซึ่งผลิตสินค้าเพื่อการส่งออกมีแนวโน้มการใช้น้ำมันลดลง เพื่อช่วยเศรษฐกิจไทย

ทั้งนี้ การกำหนดเกณฑ์มาตรฐานควรมาจากคณะกรรมการทั้งส่วนของรัฐบาลและเอกชน นอกจากนี้ คำสั่งศาลปกครองยังส่งผลให้บริษัทต้องชะลอการก่อสร้างดรงแยกก๊าซะรรมชาติหน่อยที่ 7 รวมทั้งโรงกลั่นและปิโตรเคมี รวมมูลค่า 100,000 ล้านบาท จากเดิมทีจะแล้วเสร็จในไตรมาส 3 ปี

นายกฯ เชื่อ จีดีพีไทย ไม่ติดลบ ร้อยละ 9



ข่าวเศรษฐกิจไทย
นายอภิสิทธิ์์ เวชชาชีวะ เปิดเผยว่า บทวิเคราะห์ของบริษัทหลักทรัพย์ลียองเนส์ ที่ระบุว่า เศรษฐกิจไทยปีนี้จะขยายตัวติดลบร้อยละ 9 นั้นเป็นการวิเคราะห์ภายใต้สมมติฐานที่ไม่มีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่รัฐบาลก็พร้อมปรับแผนให้สอดคล้องกับสถานการณ์ เพื่อไม่ให้เศรษฐกิจชะลอตัวไปมากกว่านี้

ด้านนายสันติ วิลาสศักดานนท์ ประธานสภาอตสาหกรรมแห่งประเทศไทย กล่าวว่าไม่เชื่อว่าเศรษฐกิจกไทย จะขยายตัวติดลบร้อยละ 9 พร้อมระบุว่า บทวิเคราะห์ ของ ลียองเนส์นี้ ประเมินจากสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุด อีกทั้งยังขาดการประเมินในกแต่ละกลุ่มอุตสาหกรรม ซึ่งปัจจุบันเริ่มมีคำสั่งซื้อจากต่างประเทศกลับมาบ้างแล้ว มีแต่ปัญหาถูกต่อรองด้านราคาเท่านั้น ขณะที่ดุลการค้าของไทย ก็อยู่ในระดับเหมาะสม จึงทำให้ไม่เชื่อว่า จีดีพี จะติดลบมากตามการวิเคราะห์

ขณะที่นางพรทิวา นาคาศัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ยอมรับว่า วิกฤติเศรษฐกิจโลกทำให้การส่งออกของไทยปีนี้ ติดลบอย่างต่อเนื่องถึงไตรมาสที่ 3 โดยเฉพาะกลุ่มอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์และยานยนต์ ซึ่งคิดเป็นร้อยละ 30 ของมูลค่าการส่งออกทั้งหมด ส่วนอุตสาหกรรมอื่น ๆ ที่มีประมาณร้อยละ 70 ก็จะพยายามประคองไม่ให้ได้รับ ผลกระทบมากนัก