Thursday, June 11, 2009

จับรองเท้าใส่ตู้หยอดเหรียญ ไอเดียทำเงิน สุดคูล !


การทำให้ธุรกิจเติบโตในขณะที่เศรษฐกิจอยู่ในช่วงขาขึ้น กำลังซื้อของผู้บริโภค มีอยู่เต็มตลาดเป็นเรื่องที่ไม่ว่าใครก็ทำได้



จับรองเท้าใส่ตู้หยอดเหรียญ ไอเดียทำเงิน สุดคูล !
สิ่งที่ยากกว่าคือ การทำให้ธุรกิจเติบโตในขณะที่เศรษฐกิจอยู่ในช่วงขาลง

เช่นเดียวกับการเริ่มต้นธุรกิจ ที่ในช่วงเวลาที่ดีใครๆ ก็ตัดสินใจลงทุน แต่ในช่วงเวลาวิกฤตที่เรากำลังเผชิญหน้าอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันและดูเหมือนว่า จะต้องอยู่กับมันไปอีกนาน ทำให้หลายคน ถอดใจและชะลอการลงทุนออกไปก่อน

คุยกับคนใกล้ตัวหลายๆ คนที่เคยกำลังเตรียมตัดสินใจลาออกจากการเป็นมนุษย์เงินเดือนเพื่อเริ่มต้น ธุรกิจของตัวเอง เกือบทั้งหมดตัดสินใจที่จะชะลอการเปลี่ยนแปลงออกไปก่อน

จะว่าไปก็ไม่ใช่เรื่องแปลก ถ้ามองเรื่องความเสี่ยงในการลงทุนเป็นปัจจัยหลัก แต่ในโลกความจริง ถ้ามองดูให้ดี ไม่ว่าจะสถานการณ์เช่นไรก็ยังมีโอกาสเสมอ สิ่งที่ต้องมีสำหรับคนที่จะก้าวเป็นผู้ประกอบการมือใหม่คือความเก่งกล้าและ ต้องคิดต่าง

คิดต่าง ไม่ว่าจะเป็นโมเดลธุรกิจใหม่ หรือช่องทางการขายใหม่ๆ คิดต่างในสิ่งที่อาจจะไม่มีใครเคยเชื่อว่ามันจะเป็นไปได้

ใครจะคิดว่า "รองเท้าจะถูกบรรจุและจำหน่ายในรูปแบบ ตู้หยอดเหรียญ" เรื่องที่นำมาเล่าสู่กันฟัง ไม่ใช่แค่เป็นไปได้ แต่เป็นไปแล้ว และไปได้ดีด้วย

ในอังกฤษก็มีผู้ประกอบการซึ่งผลิตและขายรองเท้าแบรนด์เล็กๆ อย่างน้อย 2-3 ราย หยิบเอาไอเดียที่ว่ามาทำให้เกิดขึ้นจริง โดยผลิตรองเท้าสำหรับผู้หญิงแบบไม่มีส้น จะว่าไปก็เป็นการพัฒนารูปแบบมาจากรองเท้าบัลเลต์ที่นอกจากสวยแล้วยังใส่สบาย มาใส่ตู้หยอดเหรียญและนำมาวางจำหน่าย

Rollasoles และ Afterheels เป็น 2 แบรนด์รองเท้าที่เริ่มให้บริการตู้รองเท้าหยอดเหรียญบอกเหตุผลถึงการตัดสิน ใจของพวกเขา ซึ่งฟังแล้วบางคนอาจจะถึงบางอ้อ พวกเขาอธิบายว่า ผู้หญิงทุกคนเวลาเลือกรองเท้าส้นสูงที่สวมไปทำงาน หรือสวมไปเที่ยวกลางคืน จะคำนึงถึงความสวยเป็นสำคัญมากกว่าสิ่งอื่นใด หรือคุณผู้หญิง คนไหนจะปฏิเสธ

ทีนี้เมื่อเอาความสวยเป็นหลัก ลองนึกสภาพว่าถ้าต้องใส่รองเท้าส้นสูง 4-5 นิ้ว อยู่ตลอดเวลาติดต่อกันหลายๆ ชั่วโมง หนักกว่านั้น บางคนไม่ใช่แค่ใส่ธรรมดา แต่เป็นขาเต้น การยืนอยู่บนรองเท้าส้นสูงหลายชั่วโมง ทำให้เมื่อถึงเวลาหนึ่ง จากความสวยจะกลายเป็นความทรมานตามมา

"รองเท้าพวกนี้กำลังจะฆ่าฉัน" เป็นคำโฆษณาสนุกๆ ที่ Afterheels หยิบมาใช้โฆษณา ซึ่งหยิบมาจากประสบการณ์จริงของผู้หญิงจำนวนมากที่เคยประสบชะตากรรมในการ ถูกรองเท้ากัด หรือเมื่อยในระดับที่รับไม่ไหว

การตัดสินใจติดตั้ง "ตู้ขายรองเท้าหยอดเหรียญ" ในคลับ บาร์ ซึ่งเป็นที่เที่ยวกลางคืนของสาวนักแดนซ์ จึงทำให้ผู้ผลิตทั้ง 2 รายขายรองเท้าได้ดีอย่างไม่น่าเชื่อ ประการหนึ่งมาจากการตั้งราคาที่ไม่สูงเกินไป ตกประมาณคู่ละไม่เกิน 400 บาท ประการที่ 2 เป็นเพราะรองเท้าที่ออกแบบมาแบบใส่สบายและดีไซน์สุดเก๋ ประการที่ 3 แพ็กเกจจิ้งที่ใส่รองเท้าในตู้หยอดเหรียญนั้นได้รับการออกแบบให้เป็นถุงที่ ทำให้หลังจากสลัดรองเท้าส้นสูงคู่กายทิ้ง พวกเธอก็ยังมีที่ใส่รองเท้ากลับบ้านแบบสบายๆ (ก็ใครล่ะจะพกถุงไว้ใส่รองเท้าตอนไปเที่ยวกลางคืน)

ด้วยเหตุผลทั้งหมดทำให้เมื่อถึงเวลาที่รองเท้าจะฆ่าบรรดาสาวๆ พวกเธอจึงยอมควักกระเป๋าโดยง่ายดาย และเป็นเหตุให้ นี่เป็นช่องทางจำหน่ายรองเท้าที่สามารถสร้างยอดขายให้กับผู้ประกอบการได้ดี เกินกว่าที่คาด

จุดหมายปลายทางของ "ตู้ขายรองเท้าหยอดเหรียญ" ยังไม่ได้มีเฉพาะอยู่แต่ในที่เที่ยวกลางคืน butterfly twists เป็นอีกแบรนด์ที่หันมาใช้ช่องทางในการจำหน่ายที่ว่านี้ แต่มีวางขายอยู่ในพื้นที่ทั่วไป ไม่ว่าจะตามห้างสรรพสินค้า แหล่งช็อปปิ้ง ฯลฯ

มีลูกค้าคนหนึ่งเขียนเล่าไว้ในเว็บไซต์ของ butterfly twists ว่า อยู่ดีๆ เธอก็เกิดเท้าพลิกในขณะเดินช็อปปิ้ง ถ้าใส่รองเท้า ส้นสูงที่เธอใส่มาคงจะเดินต่อไม่ได้ แต่โชคดีที่ตรงนั้นมีตู้หยอดเหรียญ ทำให้เธอมีรองเท้าคัสชูที่ไม่มีส้นและใส่สบายเปลี่ยน

butterfly twists ยังคิดต่อไปอีกชั้นหนึ่งด้วยในการออกแบบรองเท้า ซึ่งสามารถพับให้เป็นขนาดเล็ก และสามารถใส่ในกระเป๋าถือของผู้หญิงที่พวกเธอสามารถเก็บไว้เป็นรองเท้าสำรอง ในกรณีฉุกเฉินได้ตลอดเวลา

เรื่องที่นำมาเล่าสู่กันฟังไม่ใช่แค่เรื่องของการคิดต่าง แต่เป็นโอกาสที่เกิดจากการคิดและลงมือทำ โอกาสที่สร้างด้วยตัวเองโดยที่ไม่ต้องรอให้มันเดินมาหา !





แหล่ง : ประชาชาติธุรกิจ (www.matichon.co.th/prachachart)

No comments:

Post a Comment